ในช่วงที่โควิดกำลังระบาดรุนแรงในช่วงปี 2563-2565 วัคซีนแอสตราเซเนกา หรือวัคซีน AZ ถือเป็นวัคซีนราคาถูก และยังสามารถจัดเก็บและขนส่งง่าย ไม่ยุ่งยาก เมื่อเทียบกับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิด mRNA ที่ผลิตโดยบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา ที่ออกมาเป็นวัคซีนรุ่นที่ 3
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่นายไบรอัน พิงเกอร์ (Brian Pinker) ชายสูงอายุชาวอังกฤษ วัย 82 ปี ได้รับการบันทึกว่าเป็นบุคคลที่ตัดสินใจเข้ารับการฉีดวัคซีนแอสตราฯ เป็นคนแรกนั้น เมื่อเวลาผ่านมาเกือบ 3 ปีครึ่ง ในที่สุด ทางบริษัทแอสตราเซเนกา ได้ออกแถลงการณ์เรียกคืนวัคซีน AZ อีกทั้งจะยุติการผลิตและจะไม่จัดส่งวัคซีนแอสตราฯ อีกต่อไป ด้วยเหตุผลเชิงพาณิชย์
โดยบริษัทแอสตราเซเนกา ออกแถลงการณ์ระบุว่า ขณะนี้มีวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตขึ้นมาสำหรับไวรัสโควิดกลายพันธุ์หลายชนิด จนมีวัคซีนมากเกินความต้องการ ทำให้วัคซีน Vaxzevria ซึ่งพัฒนาโดยแอสตราเซเนกา มีความต้องการน้อยลง และทางบริษัทตัดสินใจที่จะไม่ผลิตหรือส่งมอบวัคซีนโควิดชนิดนี้อีกต่อไป
ก่อนหน้านี้ บริษัทแอสตราเซเนกาได้เริ่มกระบวนการขอถอนใบอนุญาตทางการ
อย่างไรก็ตาม หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้า บริษัทแอสตราฯ จะประกาศเรียกคืนวัคซีนโควิดนั้น ทางบริษัทได้ออกมายอมรับครั้งแรกในเอกสารของศาลฉบับหนึ่งว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของทางบริษัทอาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่หาได้ยาก ซึ่งรวมถึงภาวะลิ่มเลือดด้วย
ก่อนหน้านี้ บริษัทแอสตราเซเนกาได้เริ่มกระบวนการขอถอนใบอนุญาตทางการตลาดของวัคซีนโควิด Vaxzevria ในยุโรปแล้ว โดยมีผลในวันที่ 7 พ.ค.2567 หลังจากได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้วัคซีน Vaxzevria ไม่สามารถจำหน่าย และใช้ในสหภาพยุโรปได้อีกต่อไป อีกทั้งจากนี้ บริษัทแอสตราเซเนกาจะทยอยถอนใบอนุญาตวัคซีนโควิดในทุกประเทศ
ขณะที่บริษัทแอสตราเซเนกา ได้ระบุในแถลงการณ์เรียกคืนวัคซีนโควิดของแอสตราฯ จากทั่วโลก ด้วยว่าทางบริษัทมีความภาคภูมิใจที่สามารถช่วยชีวิตผู้คนในประเทศทั่วเอเชียและลาตินอเมริกาได้เป็นจำนวนมากกว่า 6.5 ล้านคนเฉพาะในปี 2564 เพียงปีเดียว ในขณะที่ประเทศร่ำรวยแล้วสามารถจัดหาวัคซีน mRNA ที่มีราคาแพงกว่า